ประวัติสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย

สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2504 มีสำนักงานระยะแรกที่ตึกนริศรา จักรพงษ์ โรงพยาบาลเด็ก ถนนราชวิถีกรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะที่ยังทรงดำรงพระอิสริยศักดิ์เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ได้ทรงทำพิธีเปิดแพรคลุมป้ายของสมาคม เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2505 เวลา 10.45 น.

สมาคมมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  1. สนับสนุนและส่งเสริมการแพทย์ทางกุมารเวชศาสตร์แห่งประเทศไทยตลอดจนการศึกษาและวิจัยทางกุมารเวชศาสตร์ให้ก้าวหน้าไปตามหลักวิทยาศาสตร์
  2.  เผยแพร่ความรู้ทางกุมารเวชศาสตร์ส่งเสริมสุขภาพแก่ประชาชน
  3. ร่วมมือประสานงานและสร้างสัมพันธ์กับองค์กรอื่นๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทย
  4. ร่วมมือและแลกเปลี่ยนความรู้กับสมาคมกุมารแพทย์องค์กรและสถาบันการแพทย์ต่างประเทศ

เมื่อมีโรงเรียนแพทย์เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย สาขากุมารเวชศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งของภาควิชาอายุรศาสตร์ต่อมามีนายแพทย์อรุณ เนตรศิริเป็นกุมารแพทย์คนแรกของประเทศไทยได้จบสาขา
กุมารเวชศาสตร์มาจากประเทศเยอรมัน จึงได้มีการแยกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ออกมาเป็นภาควิชาใหม่ศาสตราจารย์นายแพททย์อรุณ เนตรศิริได้ร่วมก่อตั้งและเป็นนายกสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยคนแรก คณะกรรมการบริหารสมาคมกุมารฯ ชุดแรก (พ.ศ. 2504-2506) มีรายนามต่อไปนี้

  1. นพ. อรุณ เนตรศิริ  นายกสมาคม
  2. พ.อ. ชม ศรทัตต์ อุปนายกคนที่ 1
  3. นพ. สโรช คมสัน อุปนายกคนที่ 2
  4.  นพ. ดิเรก พงศ์พิพัฒน์ เลขาธิการ
  5. นพ. ประสงค์ ตู้จินดา เหรัญญิก
  6. นพ. ทวี ตันติวงษ์ ปฏิคม
  7. พญ. เพทาย แม้นสุวรรณ กรรมการ
  8. พญ. เฉิดฉลอง เนตรศิริ กรรมการ
  9. นพ. ศรีสกุล จารุจินดา กรรมการ
  10. นพ. อารี วัลยะเสวี กรรมการ
  11. พญ. สนใจ พงศ์สุพัฒน์ กรรมการ
  12. พ.ต.ต. กรณ์กิจ มุทิรางกูร กรรมการ
  13.  นพ. ปรีชา วิชิตพันธ์ กรรมการ
  14.  พญ. สุดสาคร ตู้จินดา กรรมการ
  15. นพ. สมโพธิ พุกกะเวส กรรมการ

ในระยะแรกได้มีการเลือกตั้งกรรมการทุกสองปีต่อมามีข้อบังคับให้เป็นได้ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน และได้มาเปลี่ยนเป็นทุกสามปีใน พ.ศ. 2553 ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสมาคมมาจนถึงปัจจุบันได้มีนายกสมาคมฯ รวม 14 ท่าน ดังมีรายนามต่อไปนี้

  1. นพ. อรุณ เนตรศิริ พ.ศ. 2504-2506
  2. พญ. เฉิดฉลอง เนตรศิริ พ.ศ. 2506-2507
  3. นพ. อรุณ เนตรศิริ พ.ศ. 2507-2509
  4. พญ. เฉิดฉลอง เนตรศิริ พ.ศ. 2509-2511
  5. นพ. อรุณ เนตรศิริ พ.ศ. 2511-2513
  6. พลตรีนพ. ชม ศรทัตต์ พ.ศ. 2513-2515
  7. นพ. ประสงค์ ตู้จินดา พ.ศ. 2515-2517
  8. พลโท นพ. ชม ศรทัตต์ พ.ศ. 2517-2519
  9. นพ. ประสงค์ ตู้จินดา พ.ศ. 2519-2521
  10. พญ. เพทาย แม้นสุวรรณ พ.ศ. 2521-2523
  11. นพ. ประสงค์ ตู้จินดา พ.ศ. 2523-2525
  12. พญ. สุดสาคร ตู้จินดา พ.ศ. 2525-2527
  13. นพ. ประสงค์ ตู้จินดา พ.ศ. 2527-2529
  14. พญ. เพทาย แม้นสุวรรณ พ.ศ. 2529-2531
  15. พญ. ม.ร.ว. จันทรนิวัทธ์ เกษมสันต์ พ.ศ. 2531-2533
  16. พญ. สุจิตรา นิมมานนิตย์ พ.ศ. 2533-2535
  17. นพ. ชุมพล วงศ์ประทีป พ.ศ. 2535-2537
  18. นพ. สมศักดิ์ โล่ห์เลขา พ.ศ. 2537-2541
  19. นพ. พงษ์ศักดิ์ วิสุทธิพันธ์ พ.ศ. 2541-2543
  20. นพ. ประพุทธ ศิริปุณย์ พ.ศ. 2543-2545
  21. พญ. อุษา ทิสยากร พ.ศ. 2545-2549
  22. นพ. สมศักดิ์ โล่ห์เลขา พ.ศ. 2549-2553

ในปีพ.ศ. 2553 ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับของสมาคมกุมารแพทย์ใหม่ ว่าด้วยวาระคณะกรรมการบริหารโดยให้นายกสมาคมกุมารฯ และประธานราชวิทยาลัยกุมารฯเป็นคนเดียวกันโดยมีตำแหน่งวาระละ 3 ปีกรรมการบริหารก็เป็นชุดเดียวกัน

นายกสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยวาระ 3 ปีมีมาแล้ว 2 ท่าน คือ

  1. นพ. สมศักดิ์ โล่ห์เลขา พ.ศ. 2553-2559
  2. นพ. พิภพ จิรภิญโญ พ.ศ. 2559-2562
  3. นพ. สมศักดิ์ โล่ห์เลขา พ.ศ. 2562-2565

ในปี พ.ศ. 2525 สมาคมกุมารแพทย์แห ่งประเทศไทย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงรับเป็นนายกกิตติมศักดิ์ของสมาคมกุมารฯ คณะกรรมการบริหารของสมาคมฯ ได้รับพระราชทานวโรกาสเข้าเฝ้าทูลละอองสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐานในวันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2525 เวลา 16.30 น. เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องหมายของสมาคมฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดสำนักงานถาวรของสมาคมฯ ณ อาคารสยามบรมราชกุมารี (อาคารใหม่ชั้น 7) โรงพยาบาลเด็กเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2525 เวลา 16.00 น.

ในปีพ.ศ. 2540 โรงพยาบาลเด็กได้เปลี่ยนชื่อเป็น สถาบันสุขภาพเด็กแห ่งชาติมหาราชินีและได้ย้ายสำนักงานของสมาคมกุมารฯ ไปอยู่ชั่วคราวที่ห้องประชุมโรคระบบทางเดินอาหาร ชั้น 7 ตึกมหิตลาธิเบศร ของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2540 ถึงเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. 2542 ในปีพ.ศ.2537 นพ.สมศักดิ์  โล่ห์เลขา ซึ่งเป็นนายกสมาคมกุมารฯในขณะนั้นได้เป็นประธานจัด
ASEAN PediatricFederation Conferenceครั้งที่7 ที่กรุงเทพฯในหัวข้อFutureTrend ofPediatric Infectious Diseases in ASEAN Countries มีกุมารแพทย์ต่างประเทศเข้าร่วมประชุมมาก ได้มีเงินรายได้จากการประชุมมากพอที่จะซื้อสถานที่ทำงานของสมาคมเป็นของตนเองไม่ต้องไปอาศัยสถานที่ราชการ เป็นสำนักงานเหมือนเดิมอีก จากการประชุมในครั้งนั้นยังมีผลพลอยได้ทำให้ นพ. สมศักดิ์  โล่ห์เลขา ได้รวบรวมสมาชิกต่างประเทศผู้สนใจในโรคติดเชื้อตั้งสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งเอเซียขึ้น

สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยได้ร่วมกันเช่าซื้อสำนักงานใหม่ที่ชั้น 9 อาคารเฉลิมพระบารมี ๕๐ ปีเลขที่ 2 ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เขตห้วยขวางกรุงเทพมหานคร 10310 จำนวน 472 ตารางเมตรในราคาตารางเมตรละหนึ่งหมื่นบาท

สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยได้ทำบุญสำนักงานใหม่ในวันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ.2542 และย้ายสำนักงานของสมาคมไปในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 และยังอยู่ที่เดิมจนถึงปัจจุบัน

ในปี พ.ศ. 2532 ได้มีการก่อตั้งวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2532 ซึ่งต่อมาได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นราชวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2536 แต่ยังคงสมาคมกุมารแพทย์ไว้เหมือนเดิมโดยแบ่งหน้าที่กัน ราชวิทยาลัยกุมารฯ ทำหน้าที่เกี่ยวกับการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านและอนุสาขาต่าง ๆ การให้วุฒิบัตรและหนังสืออนุมัติดูแลเรื่องมาตรฐานในวิชาชีพและจริยธรรมของกุมารแพทย์ส่วนสมาคมกุมารฯ เป็นตัวแทนของกุมารแพทย์ในประเทศไทยติดต่อกับสมาคมกุมารฯ ในต่างประเทศเช่น InternationalPediatric Association, Asia-PacificPediatric Association(APPA) ซึ่งเปลี่ยนมาจาก Association of Pediatric Societies of the Southeast Asian Region (APSSEAR), ASEAN Pediatric Federation และ International Society of Tropical Pediatrics สมาคมกุมารฯ ดูแลเรื่องกิจกรรมทางสังคมของกุมารแพทย์และการดูแลเด็กการให้ความรู้แก่ประชาชนและอาสาสมัครในกิจกรรมชุมชน เนื่องจากราชวิทยาลัยเป็นส่วนหนึ่งของแพทยสภา จึงไม่เป็นนิติบุคล เพราะฉะนั้นในเรื่อที่ต้องการเป็นนิติบุคคลหรือต้องการความเป็นอิสระ จะเป็นหน้าที่ของสมาคมกุมารฯ

การที่กุมารแพทย์มีสององค์กรงานบางอย่างคาบเกี่ยวกัน ผลประโยชน์จากกิจกรรมบางอย่างต้องมาแบ่งกัน เกิดการแข่งขันกันเองอาจเป็นผลให้มีการแตกแยกในกุมารแพทย์ด้วยกัน ในปี พ.ศ. 2550 กรรมการสมาคมและกรรมการราชวิทยาลัยจึงมีความเห็นว่าควรใช้กรรมการร่วมกันเพื่อป้องกันการแตกแยกในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดรายจ่ายและการทำงานซ้ำซ้อน แต่ยังคงแบ่งบทบาทในการทำงานเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อกุมารแพทย์และเด็กไทยงานหลายอย่างเราใช้ชื่อร่วมกันทั้งสมาคมและราชวิทยาลัยไม่มีปัญหาเรื่องการแบ่งผลประโยชน์เพราะถือว่าเป็นกระเป๋าเดียวกัน งานที่ต้องการความคล่องตัวจะทำในนามของสมาคม ราชวิทยาลัยต้องทำตามนโยบายของแพทยสภาทั้งยังต้องรายงานและแบ่งผประโยชน์ให้แพทยสภา